คุณเคยไหม…✅ ยิ้มให้คนอื่น แต่รู้สึกว่างเปล่าข้างใน ✅ ใช้ชีวิตตามที่คนอื่นบอกว่าดี แต่กลับรู้สึก “ไม่ใช่เรา” ✅ เก่งแค่ไหน ก็ยังรู้สึก “ไม่พอ” อยู่ดี 💬 หนังสือเล่มนี้ไม่สอนให้คุณ “แกล้งเข้มแข็ง” แต่จะพาคุณกลับมา ฟังหัวใจตัวเอง เพื่อเยียวยาแผลในใจปรับพลังงานในตัวและค่อย ๆ ปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา — อย่างอ่อนโยนที่สุด
หนังสือ “พลังแห่งการเยียวยาที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต” เป็นผลงานของ เว็กซ์ คิงส์ (Vex King) ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีอย่าง “ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข” ผู้เขียนนำเสนอแนวทางการเยียวยาบาดแผลทางใจด้วยตัวเอง โดยผสมผสานหลักการทางโยคะและเทคนิคง่ายๆ ที่สามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง เพื่อค้นพบความสุขและอิสรภาพที่แท้จริง ผมได้สรุปหัวข้อสำคัญ ที่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตได้อย่างไร พร้อมยกตัวอย่างในการนำมาปรับใช้ให้ชีวิตดีขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วย:
🧘♂️ 1. การทำงานโดยใช้พลังงานของร่างกาย (Working with the energy of the body)
🌀 แนวคิดหลัก:
ร่างกายของเรามีพลังงานหมุนเวียนอยู่เสมอ — ทั้งแบบที่เรารับรู้ได้ (อารมณ์ ความรู้สึก) และแบบที่ซ่อนอยู่ (พลังภายใน, ความเครียดสะสม)
การเยียวยาจริง ๆ ไม่ได้เริ่มจาก “หัวสมอง” เท่านั้น แต่ต้องฟื้นฟู พลังงานในร่างกาย ด้วย
📚 เนื้อหาที่อยู่ในหัวข้อนี้มีอะไรบ้าง?
1. 🌬️ เชื่อมโยง “ร่างกาย – จิตใจ – พลังงาน”
-
ทุกอารมณ์ เช่น ความโกรธ ความเศร้า ความเครียด จะสะสมอยู่ในร่างกาย
-
พลังงานเหล่านี้จะไหลเวียนหรือ “ติดขัด” ขึ้นอยู่กับความสมดุลของร่างกาย
2. 🧘♀️ การเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อเยียวยา
-
การออกกำลังกาย, โยคะ, การยืดเหยียด หรือแม้แต่การเต้น
-
เป็นการ “ปลดปล่อยพลังงานติดค้าง” ออกจากร่างกาย
-
ช่วยให้จิตใจปลอดโปร่งและสมองโล่งขึ้น
3. 🔋 การฝึก “การหายใจแบบมีสติ” (Breathwork)
-
ใช้ลมหายใจเป็นเครื่องมือฟื้นฟูพลังใจ
-
การหายใจลึก ๆ อย่างมีสติ สามารถปรับระบบประสาท ลดความเครียด ลดอัตราการเต้นของหัวใจ
-
เป็นหนึ่งในวิธีที่ใช้บำบัดในระดับจิตวิทยาและโยคะด้วย
4. 🌈 พลังงานในระบบจักระ (Chakras)
-
พูดถึงแนวคิดของจักระ ซึ่งเป็นศูนย์พลังงานในร่างกาย
-
หากมีจักระบางจุด “อุดตัน” จะทำให้เกิดความไม่สมดุล เช่น หงุดหงิด วิตกกังวล
-
การฝึกสมาธิ การออกเสียง (mantra) และโยคะ สามารถช่วยเปิดพลังงานเหล่านี้ได้
✅ วิธีนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
✅ 1. เริ่มจาก “สังเกตพลังงานของตัวเอง”
-
ตอนที่รู้สึกเครียด กังวล หรือไม่มีแรง — ลองถามตัวเองว่า
“ร่างกายของฉันตอนนี้เป็นยังไง?”
กล้ามเนื้อเกร็งไหม? หายใจตื้นหรือเปล่า?
✅ 2. เคลื่อนไหวเพื่อปลดปล่อยพลังงานค้าง
-
ลุกเดิน ยืดเหยียด หรือเต้นเพลงโปรด 1 เพลง
-
เพียง 5 นาที ก็ช่วยให้พลังงานในร่างกายเปลี่ยนได้
✅ 3. ฝึกหายใจอย่างมีสติ (วันละ 2–3 นาที)
ตัวอย่างเทคนิค:
“4-7-8 breathing”
หายใจเข้า 4 วินาที
กลั้นไว้ 7 วินาที
เป่าลมหายใจออกช้า ๆ 8 วินาที
ทำ 3 รอบก่อนนอน → ช่วยนอนหลับลึกขึ้นอย่างเห็นผล
✨ ตัวอย่างการนำไปใช้ให้ชีวิตดีขึ้น
🧘♀️ ตัวอย่าง 1: คุณปอ พนักงานออฟฟิศที่เครียดง่าย
➜ เธอเริ่มฝึกหายใจวันละ 5 นาทีตอนเช้า และโยคะเบา ๆ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
➜ ผ่านไป 1 เดือน เธอรู้สึกนิ่งขึ้น โฟกัสงานดีขึ้น
➜ และเริ่มมองเห็นตัวเองชัดขึ้นว่า อารมณ์ไม่ควรขังอยู่ในตัว
🕺 ตัวอย่าง 2: คุณเก่ง เคยเก็บอารมณ์โกรธไม่ระบายออก
➜ ทุกครั้งที่เครียด เขาเปิดเพลงแล้วเต้นแบบไม่สนโลก 10 นาที
➜ เขาค้นพบว่าแค่ขยับร่างกาย อารมณ์ที่ติดค้างเหมือนถูกปลดปล่อย
➜ สุขภาพจิตดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งสิ่งเร้า
🧠 สรุปสั้น ๆ:
หากใจคือคนขับ ร่างกายคือพาหนะ — การดูแลพลังงานของร่างกาย
คือการ “ทำให้รถพร้อมวิ่งไกล โดยไม่พังกลางทาง”