Book Review

รีวิวหนังสือเตะเม่นตัวนั้นออกไป NO TOXIC

หนังสือ “เตะเม่นตัวนั้นออกไป NO TOXIC” เขียนโดย Dr.Kenzo นำเสนอแนวทางในการจัดการกับพฤติกรรมและบุคคลที่เป็นพิษในชีวิตประจำวัน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีให้ยั่งยืน

🦔 “บางคนก็เหมือนเม่น… อยู่ใกล้แล้วเจ็บ แต่ทำไมเราถึงยังอยู่?”

ที่ทำงานมีแต่คน Toxic เจอแต่เจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ชอบข่มเหง?
ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยใจ คุยกันทีไรเป็นต้องทะเลาะ?
หรือจริง ๆ แล้ว… เราเองก็เป็น “เม่น” ที่พูดจาทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว?

📖 “เตะเม่นตัวนั้นออกไป NO TOXIC” คือหนังสือที่จะช่วยให้คุณ…
แยกแยะคนที่เป็นพิษออกจากชีวิต และรู้วิธีรับมืออย่างมีสติ
สร้างขอบเขตในความสัมพันธ์ โดยไม่ต้องรู้สึกผิด
เปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น ลดนิสัย “เม่น” ที่ทำร้ายคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ

ประเด็นเนื้อหาหลักของหนังสือมีดังนี้:


สารบัญหน้า

1. การสำรวจความรู้สึกภายในและสร้างพฤติกรรมใหม่

“บางครั้งเราก็เป็นเม่นตัวนั้นโดยไม่รู้ตัว”
คุณเคยสงสัยไหมว่า…

  • ทำไมเราถึงรู้สึก หงุดหงิดง่าย กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ?
  • ทำไมบางครั้ง คำพูดของเราทำร้ายคนอื่น ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ?
  • ทำไมเรารู้สึก เหนื่อยกับสังคมและคนรอบข้าง มากเกินไป?

💡 หนังสือเล่มนี้ชี้ให้เห็นว่า “เม่น” ในตัวเรา คือพฤติกรรมเป็นพิษที่เราสร้างขึ้นจากสิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ในอดีต โดยที่บางครั้งเราก็ไม่รู้ตัว

👉 ถ้าเราอยากใช้ชีวิตที่สงบสุขขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำ คือการสำรวจตัวเองและสร้างพฤติกรรมใหม่ที่ไม่เป็นพิษต่อทั้งตัวเองและผู้อื่น

1.1 สำรวจตัวเอง: เรากำลังเป็น “เม่น” อยู่หรือเปล่า?

เม่นในตัวเรา คืออะไร?
📌 เป็นพฤติกรรมที่เราใช้ “ป้องกันตัวเอง” จากความเจ็บปวด แต่กลับกลายเป็น ทำร้ายคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว
📌 อาจเกิดจากความเครียด ความผิดหวัง หรือการเลี้ยงดูในอดีต
📌 คนที่เป็นเม่น อาจแสดงออกด้วย การประชด การเหน็บแนม หรือการปิดกั้นตัวเองจากคนอื่น

🔍 วิธีสำรวจตัวเอง

✅ ลองถามตัวเองว่า…

  • ฉันชอบพูดจาถากถางหรือไม่?
  • เวลาคนอื่นไม่ทำตามที่ฉันต้องการ ฉันรู้สึกหงุดหงิดมากเกินไปไหม?
  • ฉันชอบบ่นและมองโลกในแง่ร้ายมากกว่ามองหาทางแก้ไขหรือเปล่า?
  • ฉันเคยทำให้คนรอบข้างรู้สึกอึดอัดหรือเสียใจจากคำพูดของฉันหรือไม่?

📌 หากคำตอบคือ “ใช่” นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเรากำลังกลายเป็นเม่นโดยไม่รู้ตัว

1.2 ทำความเข้าใจกับ “กลไกป้องกันตัวเอง” และเลิกพฤติกรรมเป็นพิษ

พฤติกรรมเป็นพิษ (Toxic Behavior) เกิดจากอะไร?
🔹 การสะสมความคับข้องใจและไม่รู้วิธีระบายออก
🔹 ความกลัวว่าเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หรือถูกทำร้าย
🔹 ความเครียดสะสมจากสิ่งแวดล้อมที่เร่งรีบและกดดัน

🎯 วิธีแก้ไข:
✅ ฝึก “สังเกตตัวเองก่อนตอบโต้” → หยุดคิดก่อนพูดหรือกระทำสิ่งใด
✅ แทนที่จะตอบสนองแบบ “ประชดประชัน” → ใช้การพูดตรง ๆ แต่สุภาพ
✅ หยุดการ “โทษคนอื่น” แล้วลองกลับมาดูที่ตัวเอง

✨ ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้ารู้สึกว่าตัวเองพูดประชดบ่อย → ลองหยุดคิดสัก 3 วินาที ก่อนพูดออกไป แล้วถามตัวเองว่า “สิ่งที่ฉันจะพูด มีประโยชน์จริงไหม?”

📌 ถ้าเรามักโทษคนอื่น → ลองเปลี่ยนเป็น “ฉันเองสามารถปรับปรุงอะไรได้บ้าง?”

1.3 เปลี่ยนพฤติกรรม: จาก “เม่น” เป็น “คนที่มีพลังบวก”

💡 การสร้างพฤติกรรมใหม่ เริ่มต้นที่การเปลี่ยน “วิธีคิด” และ “วิธีตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว”

🛠️ เทคนิคสร้างพฤติกรรมใหม่ให้ชีวิตดีขึ้น

1. ฝึกคิดบวกและเปลี่ยนมุมมอง
📌 แทนที่จะคิดว่า “ทำไมโลกนี้มันแย่จัง?” → ลองคิดว่า “ฉันเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้ได้บ้าง?”

2. ใช้คำพูดที่สร้างสรรค์แทนการบ่นหรือประชด
📌 แทนที่จะพูดว่า “ทำไมเธอชอบทำตัวน่ารำคาญจัง?” → ลองพูดว่า “ฉันรู้สึกว่าเรามีความเห็นไม่ตรงกัน ลองมาคุยกันดี ๆ ไหม?”

3. ฝึกการให้อภัยและปล่อยวาง
📌 การเก็บความโกรธหรือเคียดแค้นไว้ ทำให้เรากลายเป็นเม่น → ลองฝึกปล่อยวางและให้อภัยบ้าง

4. ควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
📌 หยุด! ก่อนจะระเบิดอารมณ์ ลองใช้ เทคนิคหายใจลึก ๆ 3 ครั้ง แล้วค่อยพูด

✨ ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้ามีคนพูดจาแย่กับเรา → แทนที่จะตอบโต้แรง ๆ ลองบอกว่า “ฉันอยากให้เราคุยกันด้วยความเคารพมากกว่านี้”

📌 ถ้ารู้สึกเครียดหรือโกรธ → ลองเขียนลงกระดาษหรือเดินออกจากสถานการณ์ชั่วคราว

1.4 สร้างพฤติกรรมใหม่ที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น

🔹 ฝึกการมีสติในทุกสถานการณ์ → รับรู้ว่าเราโกรธหรือหงุดหงิด แล้วเลือกที่จะตอบสนองอย่างมีสติ
🔹 เปลี่ยนจากการ “บ่น” เป็นการ “หาทางแก้ไข”
🔹 เรียนรู้ที่จะขอบคุณสิ่งดี ๆ ในชีวิต มากกว่าจมอยู่กับสิ่งลบ

✨ ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ก่อนนอนทุกคืน ลองจด 3 สิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณในวันนี้ → ช่วยให้เรามองเห็นสิ่งดี ๆ มากขึ้น
📌 เวลามีปัญหากับคนอื่น ลองตั้งคำถามว่า “ฉันจะสื่อสารให้ดีขึ้นได้อย่างไร?” → ช่วยลดความขัดแย้ง

วิธีนำไปใช้ในชีวิตจริง

สำรวจตัวเอง ว่าเรามีพฤติกรรมเป็นพิษหรือไม่
เข้าใจกลไกป้องกันตัวเอง และหยุดโทษคนอื่น
เปลี่ยนจากการประชด มาเป็นการพูดอย่างตรงไปตรงมาแต่สุภาพ
ฝึกคิดบวก และเลือกตอบสนองอย่างมีสติ
สร้างพฤติกรรมใหม่ที่ช่วยให้เรามีความสุข และทำให้คนรอบข้างสบายใจ

💡 “บางครั้ง เราอาจเป็นเม่นตัวนั้นเองโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าเราเลือกที่จะเปลี่ยน เม่นตัวนั้นก็จะหายไปจากชีวิตเรา”


2. การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจ

💡 “ถ้าคุณไม่เข้มแข็งพอ เม่นตัวนั้นก็จะกลับมาทำร้ายคุณอีกครั้ง”

การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจ (Mental Strength) ไม่ได้หมายถึงการปิดกั้นอารมณ์หรือทำเป็นไม่รู้สึกอะไร
แต่หมายถึง การรู้จักจัดการอารมณ์ รับมือกับปัญหาได้อย่างมั่นคง และไม่ปล่อยให้พลังลบมามีอิทธิพลต่อเรา

👉 เมื่อเรามีจิตใจที่แข็งแกร่ง เราจะสามารถปกป้องตัวเองจาก Toxic People และ Toxic Environment ได้ดีขึ้น

2.1 เข้าใจว่า “ความเข้มแข็งทางจิตใจ” ไม่ใช่ “ความเย็นชา”

🔹 ความเข้มแข็งทางจิตใจ ≠ ทำเป็นไม่รู้สึกอะไร
🔹 แต่คือการควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
🔹 ไม่ปล่อยให้คำพูดหรือการกระทำของคนอื่นมาทำร้ายเรา

คนที่อ่อนแอทางจิตใจมักจะ…

  • หงุดหงิดง่ายเมื่อเจอคำพูดแย่ ๆ
  • เสียพลังงานไปกับคนที่เป็นพิษ
  • ปล่อยให้คนอื่นมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของตัวเอง

คนที่เข้มแข็งทางจิตใจจะ…

  • ไม่ปล่อยให้คำพูดของคนอื่นมีผลกระทบต่อตัวเอง
  • รู้วิธีรับมือกับสถานการณ์แย่ ๆ โดยไม่สูญเสียความสุข
  • มีพลังในการควบคุมชีวิตของตัวเอง

🎯 ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้าเพื่อนร่วมงานพูดจาแย่ใส่เรา แทนที่จะโกรธหรือเสียใจ → เราสามารถคิดว่า “ปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของเรา” และไม่ให้พลังลบนั้นมามีผลกับเรา

2.2 ฝึกการควบคุมอารมณ์ (Emotional Control)

🔹 อารมณ์เป็นเหมือนคลื่น เราควบคุมมันไม่ได้ แต่เราควบคุมการตอบสนองของเราได้
🔹 คนที่เข้มแข็งทางจิตใจจะไม่ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำการตัดสินใจของตัวเอง

🎯 วิธีฝึกการควบคุมอารมณ์
ใช้กฎ “3 วินาที” ก่อนตอบโต้ → หยุดคิดก่อนพูดหรือตอบกลับคนที่ทำให้เราหงุดหงิด
เปลี่ยน “อารมณ์ลบ” เป็น “พลังงานบวก” → แทนที่จะโกรธ ให้มองว่านี่คือโอกาสฝึกจิตใจตัวเอง
อย่าตัดสินใจตอนกำลังโกรธหรือเศร้า → เพราะการตัดสินใจในอารมณ์ที่ไม่มั่นคงมักทำให้เราผิดพลาด

🎯 ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้าหัวหน้าตำหนิเราอย่างไม่เป็นธรรม แทนที่จะโกรธแล้วเถียงกลับ → ให้หายใจลึก ๆ แล้วตอบว่า “ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น เดี๋ยวฉันจะนำไปปรับปรุง”

2.3 ฝึกการปล่อยวาง และไม่เก็บเรื่องแย่ ๆ มาทำร้ายตัวเอง

🔹 คนที่มีจิตใจเข้มแข็ง จะไม่แบกทุกอย่างไว้คนเดียว
🔹 เขารู้ว่าอะไรที่ควรปล่อยไป และอะไรที่ต้องโฟกัส

🎯 วิธีฝึกการปล่อยวาง
ถามตัวเองว่า “สิ่งนี้สำคัญกับชีวิตฉันจริง ๆ ไหม?”
ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่มีผลกระทบระยะยาว ก็ปล่อยมันไป
เลือกให้พลังงานกับสิ่งที่มีความหมายจริง ๆ

🎯 ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้ามีคนพูดไม่ดีใส่เราในโซเชียลมีเดีย → แทนที่จะตอบกลับหรือเสียเวลาคิดมาก ให้ถามตัวเองว่า “คนนี้มีผลอะไรกับชีวิตเราจริง ๆ ไหม?” ถ้าไม่ ก็เลิกสนใจ

2.4 ตั้งขอบเขตที่ชัดเจน (Set Boundaries)

🔹 บางครั้งความทุกข์ของเรามาจากการที่เราปล่อยให้คนอื่นล้ำเส้นมากเกินไป
🔹 คนที่เข้มแข็งทางจิตใจรู้ว่าต้องตั้งขอบเขตให้กับคน Toxic

🎯 วิธีตั้งขอบเขตกับคน Toxic
กล้าที่จะพูดว่า “ไม่” กับสิ่งที่เราไม่ต้องการ
ถ้าเจอคนที่ชอบขอให้เราทำอะไรที่เราไม่อยากทำ ให้ตอบอย่างสุภาพแต่หนักแน่น
ถ้าต้องอยู่กับคน Toxic หลีกเลี่ยงให้มากที่สุด และโฟกัสที่ตัวเอง

🎯 ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้ามีเพื่อนร่วมงานที่ชอบโยนงานให้เราตลอด → ให้พูดว่า “ฉันมีงานของตัวเองที่ต้องทำเหมือนกัน ครั้งนี้ฉันขอผ่านนะ”

2.5 ฝึกพูดกับตัวเองให้เป็นบวก (Positive Self-Talk)

🔹 บางครั้งศัตรูที่ร้ายที่สุดของเรา ก็คือ “เสียงในหัวของเราเอง”
🔹 คนที่มีจิตใจแข็งแกร่งจะไม่ปล่อยให้ความคิดลบมาทำลายตัวเอง

🎯 วิธีฝึกพูดกับตัวเองให้เป็นบวก
แทนที่จะคิดว่า “ฉันทำไม่ได้” → ให้คิดว่า “ฉันกำลังเรียนรู้”
แทนที่จะคิดว่า “ทำไมต้องเป็นฉัน?” → ให้คิดว่า “ฉันจะผ่านมันไปได้”

🎯 ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้าเราทำผิดพลาดในการทำงาน แทนที่จะโทษตัวเองว่า “ฉันโง่มากเลย!” → ให้พูดว่า “ครั้งนี้ฉันพลาด แต่ฉันจะเรียนรู้และทำให้ดีขึ้นในครั้งหน้า”

วิธีนำไปใช้ในชีวิตจริง

เข้าใจว่าความเข้มแข็งทางจิตใจไม่ใช่ความเย็นชา แต่คือการควบคุมอารมณ์ตัวเองได้
ฝึกการควบคุมอารมณ์ อย่าตัดสินใจตอนกำลังโกรธหรือเศร้า
เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง ไม่แบกทุกอย่างไว้คนเดียว
ตั้งขอบเขตที่ชัดเจน อย่าปล่อยให้คน Toxic มีผลต่อชีวิตคุณ
ฝึกพูดกับตัวเองให้เป็นบวก เลิกดูถูกตัวเอง

💡 “เมื่อคุณมีจิตใจที่แข็งแกร่ง ไม่มีเม่นตัวไหนสามารถทำร้ายคุณได้อีก!”


3. เทคนิคในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีให้ยั่งยืน

💡 “การรักษาความสัมพันธ์ไม่ใช่แค่การอยู่ด้วยกัน แต่มันคือการเข้าใจกัน”

📌 เคยไหม?

  • รู้สึกว่า คุยกับบางคนแล้วเหนื่อย เหมือนต้องคอยอธิบายทุกเรื่อง
  • รู้สึกว่า บางคนเปลี่ยนไป ทั้งที่เคยสนิทกันมาก
  • มีเพื่อนหรือคนรักที่ ห่างกันไปเรื่อย ๆ เพราะเข้าใจผิดกัน

👉 ความสัมพันธ์จะยืนยาวได้ ถ้าเรารู้จัก “วิธีดูแลมัน”
หนังสือ “เตะเม่นตัวนั้นออกไป NO TOXIC” แนะนำเทคนิคสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ให้มั่นคงและปราศจากพฤติกรรมเป็นพิษ

3.1 เข้าใจธรรมชาติของ “ความสัมพันธ์”

🔹 ทุกความสัมพันธ์ต้องมีการเปลี่ยนแปลง
🔹 อย่าคาดหวังว่าใครจะเหมือนเดิมตลอดเวลา
🔹 การคาดหวังมากเกินไป อาจกลายเป็น “ภาระ” ให้กับอีกฝ่าย

🎯 วิธีนำไปใช้ในชีวิตจริง
📌 เข้าใจว่าเพื่อนแต่ละคนมีหน้าที่และภาระของตัวเอง → อย่าคาดหวังให้ทุกคนมีเวลาให้เราตลอด
📌 ให้พื้นที่กับคู่รัก → ไม่ต้องตัวติดกันทุกวัน แต่ให้มีคุณภาพในการใช้เวลาร่วมกัน

3.2 ฟังให้มากกว่าพูด (Active Listening)

🔹 ปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นเพราะเรา “ฟังไม่เป็น”
🔹 คนส่วนใหญ่ฟังเพื่อ “ตอบกลับ” ไม่ใช่เพื่อ “เข้าใจ”

🎯 เทคนิคการเป็นผู้ฟังที่ดี
✅ หยุดขัดจังหวะเมื่ออีกฝ่ายกำลังพูด
✅ ตั้งใจฟังโดยไม่รีบตัดสิน
✅ พูดสะท้อนความรู้สึกของอีกฝ่าย เช่น “ฟังดูแล้วเธอต้องเหนื่อยมากแน่ ๆ”

🎯 ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้าแฟนกลับบ้านมาแล้วบ่นว่า “วันนี้เครียดจัง หัวหน้าดุมาก!”
➡ แทนที่จะตอบว่า “เธอทำพลาดเองรึเปล่า?” → ให้พูดว่า “เธอต้องรู้สึกแย่มากแน่ ๆ เล่าให้ฟังได้นะ”

3.3 ใช้คำพูดที่สร้างพลังบวก (Positive Communication)

🔹 คำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ มีผลต่อความสัมพันธ์มากกว่าที่คิด
🔹 แทนที่จะพูดตำหนิ ลองใช้คำพูดที่ให้กำลังใจ

🎯 เทคนิคการพูดให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น
✅ พูดขอบคุณบ่อย ๆ เช่น “ขอบคุณนะที่ช่วยฉันวันนี้”
✅ ชื่นชมกันบ่อย ๆ เช่น “ฉันชอบที่เธอเป็นคนมีน้ำใจแบบนี้”
✅ หลีกเลี่ยงคำพูดประชดประชัน เช่น “เก่งจังเลยนะ ทำผิดทุกวันเลย!”

🎯 ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้าแฟนช่วยทำอาหาร แทนที่จะบอกว่า “ทำไมมันเค็มขนาดนี้?”
➡ ลองพูดว่า “ขอบคุณที่ทำให้กินนะ คราวหน้าลองใส่เกลือน้อยลงนิดนึง น่าจะอร่อยขึ้น!”

3.4 ตั้งขอบเขตที่ชัดเจน (Set Boundaries)

🔹 อย่าปล่อยให้คนอื่นล้ำเส้นมากเกินไป จนเรารู้สึกอึดอัด
🔹 ความสัมพันธ์ที่ดีต้องมี “พื้นที่ส่วนตัว”

🎯 วิธีตั้งขอบเขตในความสัมพันธ์
✅ ถ้าไม่สะดวกช่วย ให้ปฏิเสธอย่างสุภาพ เช่น “ขอโทษนะ วันนี้ฉันไม่ว่างจริง ๆ”
✅ ถ้าอีกฝ่ายพูดจาไม่ให้เกียรติเรา ให้พูดว่า “ฉันอยากให้เราคุยกันด้วยความเคารพมากกว่านี้”

🎯 ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้ามีเพื่อนที่ชอบโทรมาระบายทุกคืนจนเราเหนื่อย → ให้พูดว่า “ฉันเข้าใจนะว่าเธอเครียด แต่ฉันเองก็ต้องการเวลาพักผ่อนเหมือนกัน”

3.5 ให้อภัยและปล่อยวาง (Forgiveness & Letting Go)

🔹 ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทุกคนมีข้อผิดพลาด
🔹 ถ้าเราจับผิดคนอื่นตลอดเวลา ความสัมพันธ์จะไม่ยั่งยืน

🎯 วิธีให้อภัยและปล่อยวาง
✅ ถ้าคนอื่นขอโทษ และพยายามปรับปรุงตัว ให้เรียนรู้ที่จะให้อภัย
✅ ถ้าความสัมพันธ์เป็นพิษ และอีกฝ่ายไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง ก็ถึงเวลาที่ต้องปล่อยไป

🎯 ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้าเพื่อนผิดนัดเพราะติดธุระด่วน แทนที่จะบ่นว่า “ทำไมเธอไม่เห็นความสำคัญของฉันเลย?”
➡ ลองพูดว่า “ไม่เป็นไร ครั้งหน้าเราวางแผนกันใหม่ได้นะ”

📌 ถ้าคู่รักเคยทำพลาด แต่เขาพยายามแก้ไขแล้ว → แทนที่จะขุดเรื่องเก่ามาพูดซ้ำ ให้พูดว่า “ฉันเห็นนะว่าเธอพยายามเปลี่ยน ขอบคุณที่ทำเพื่อเรา”

3.6 มีเวลาให้กัน และให้ความสัมพันธ์มีคุณภาพ

🔹 เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในความสัมพันธ์
🔹 ไม่จำเป็นต้องเจอกันตลอดเวลา แต่ต้องใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ

🎯 เทคนิคทำให้เวลาด้วยกันมีคุณค่า
✅ ปิดมือถือแล้วคุยกันอย่างจริงจัง
✅ หากิจกรรมทำร่วมกัน เช่น ดูหนัง ทำอาหาร หรือเดินเล่น
✅ หมั่นถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ แม้ว่าจะยุ่งก็ตาม

🎯 ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้าทั้งคู่ยุ่งกับงาน ลองตั้ง “วันนัดพิเศษ” เช่น ทุกคืนวันศุกร์เป็น Movie Night ที่ใช้เวลาด้วยกัน
📌 ถ้าอยู่ไกลกัน ลองส่งข้อความสั้น ๆ เช่น “เป็นไงบ้างวันนี้? มีอะไรให้ช่วยไหม?”

วิธีนำไปใช้ในชีวิตจริง

เข้าใจว่าความสัมพันธ์ต้องเปลี่ยนแปลง อย่าคาดหวังให้เหมือนเดิมตลอดเวลา
ฝึกการฟังให้มากกว่าพูด ฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อโต้ตอบ
ใช้คำพูดที่ให้พลังบวก หลีกเลี่ยงการพูดประชดหรือเหน็บแนม
ตั้งขอบเขตที่ชัดเจน เพื่อให้ความสัมพันธ์สมดุล
ให้อภัยเมื่อจำเป็น และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรปล่อยวาง
ให้เวลากับคนสำคัญ และทำให้เวลาที่ใช้ร่วมกันมีคุณภาพ

💡 “ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนไม่ได้เกิดจากโชคชะตา แต่มาจากความเข้าใจและการดูแลอย่างต่อเนื่อง”


📖 สรุป: ทำไมต้องอ่านหนังสือเล่มนี้?

เข้าใจว่าทำไมเราถึงเจอแต่คนที่เป็นพิษ
เรียนรู้วิธีรับมือกับคน Toxic โดยไม่ต้องทะเลาะกัน
ฝึกสร้างขอบเขตให้ตัวเอง เพื่อให้มีพื้นที่ปลอดภัยในชีวิต
เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่พูดจาดีขึ้น ลดการสร้างพลังลบให้คนอื่น
ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น โดยไม่ให้พลังงานลบมาควบคุมเรา!

💬 “ถึงเวลาที่คุณต้องเลือกแล้ว ว่าจะอยู่กับเม่นตัวนั้น หรือจะเตะมันออกไปจากชีวิต!”

#NoToxic #เตะเม่นออกไป #ชีวิตดีขึ้นได้ถ้าเราเลือก #SelfGrowth #รักตัวเองให้มากขึ้น #Mindsetดีชีวิตเปลี่ยน #ToxicFreeLife

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *