คุณเคยรู้สึกเหนื่อยใจกับบางคนในชีวิตไหม? ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนร่วมงานที่ชอบโยนงานให้เรา ทั้งที่เป็นความรับผิดชอบของเขาเอง, เจ้านายที่มักใช้คำพูดบั่นทอนกำลังใจ, คนใกล้ตัวที่มักดูดพลังบวกของเราไปหมด หรือแม้แต่ สภาพแวดล้อมที่ทำให้เรารู้สึกหมดไฟตลอดเวลา
หนังสือ “เธอหรือฉัน ใครกันที่ TOXIC” ไม่ได้เป็นแค่หนังสือที่บอกให้คุณ “หลีกหนี” คนเป็นพิษ แต่เป็นคู่มือที่ช่วยให้คุณ เข้าใจลักษณะของพฤติกรรมเป็นพิษ (Toxic Behavior) และ เรียนรู้วิธีรับมืออย่างมีสติ เพื่อให้คุณสามารถ ปกป้องตัวเอง จากพลังลบ และมีชีวิตที่สงบสุขขึ้น
หนังสือ “เธอหรือฉัน ใครกันที่ TOXIC” เขียนโดย Dr. Tim Cantopher นักจิตวิทยาชื่อดังจากอังกฤษ เนื้อหาในเล่มแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ดังนี้:
-
คนพ่นพิษกันอย่างไร: สำรวจพฤติกรรมและลักษณะของคนที่มีพฤติกรรมเป็นพิษ (Toxic) เช่น นักล้ำเส้น, จอมดราม่า, แวมไพร์ดูดพลัง, นักเล่นเกมจิตวิทยา, นักระเบิดอารมณ์, คนปากร้าย, พวกขี้โม้ขี้แซะ, คนเจ้าหลักการ, คนหลงตัวเอง และจอมบงการ
-
คนและสถานที่ที่เป็นพิษ: นอกจากบุคคลแล้ว สถานที่หรือสภาพแวดล้อมบางแห่งก็สามารถมีความเป็นพิษได้ หนังสือจะช่วยให้ผู้อ่านระบุและเข้าใจถึงสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษเหล่านี้
-
วิธีรับมือคนเป็นพิษ: นำเสนอวิธีการและกลยุทธ์ในการจัดการกับคนหรือสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ เพื่อปกป้องสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของตนเอง
ผมได้มาสรุปรายละเอียดแต่ละข้อ ที่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตได้อย่างไร พร้อมยกตัวอย่างในการนำมาปรับใช้ให้ชีวิตดีขึ้นนะครับ
1. คนพ่นพิษกันอย่างไร
ส่วนนี้ของหนังสือ “เธอหรือฉัน ใครกันที่ TOXIC” อธิบายเกี่ยวกับ พฤติกรรมของคนที่เป็นพิษ (Toxic People) และผลกระทบที่พวกเขามีต่อคนรอบข้าง รวมถึงวิธีสังเกตและรับมือกับพฤติกรรมเหล่านี้
1.1 นักล้ำเส้น (The Boundary Breaker)
ลักษณะ:
- ไม่เคารพขอบเขตของผู้อื่น เช่น ถามเรื่องส่วนตัวโดยไม่จำเป็น ใช้เวลาหรือทรัพยากรของเราโดยไม่ขออนุญาต
- มักทำให้เรารู้สึกอึดอัดหรือกดดันให้ทำบางสิ่งที่เราไม่อยากทำ
วิธีรับมือ:
- ตั้งขอบเขตให้ชัดเจน เช่น หากเพื่อนร่วมงานชอบขอให้ช่วยงานเกินหน้าที่ ให้บอกไปตรง ๆ ว่า “ฉันยุ่งอยู่ตอนนี้ ขอช่วยแค่ในขอบเขตงานของฉันนะ”
- ใช้ภาษากายและน้ำเสียงหนักแน่น เพื่อแสดงความจริงจัง
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต:
ถ้ามีญาติที่ชอบถามเรื่องส่วนตัว เช่น “เมื่อไหร่จะแต่งงาน?” สามารถตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่หนักแน่น เช่น
“เรื่องนี้ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจนะคะ ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัวของฉันค่ะ”
1.2 จอมดราม่า (The Drama Queen/King)
ลักษณะ:
- ชอบขยายเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
- สร้างปัญหาเพื่อเรียกร้องความสนใจ
- อารมณ์แปรปรวนและมักทำให้คนรอบข้างรู้สึกเหนื่อยใจ
วิธีรับมือ:
- อย่าให้อารมณ์พวกเขามากระทบเรา พยายามอยู่ห่างจากดราม่า
- ใช้เหตุผลโต้ตอบแทนอารมณ์ เช่น ถ้าคนประเภทนี้มาบ่นเรื่องงานเกินจริง ให้ตอบกลับด้วยข้อเท็จจริงแทนการร่วมเวิ่นเว้อ
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต:
หากเพื่อนร่วมงานชอบบ่นว่า “หัวหน้าไม่แฟร์เลย ฉันต้องทำทุกอย่าง!” ให้ตอบกลับว่า “เราไปคุยกับหัวหน้าตรง ๆ ดีไหม ว่าเราต้องแบ่งงานกันให้เป็นธรรม?” เพื่อเบี่ยงเบนไปสู่การแก้ปัญหา แทนที่จะตกลงไปในวังวนของดราม่า
1.3 แวมไพร์ดูดพลัง (The Energy Vampire)
ลักษณะ:
- ชอบคร่ำครวญ บ่นตลอดเวลา และถ่ายเทพลังลบให้ผู้อื่น
- ทำให้เรารู้สึกเหนื่อย หมดกำลังใจ หรือเครียดโดยไม่รู้ตัว
วิธีรับมือ:
- จำกัดเวลาในการอยู่กับพวกเขา เพื่อไม่ให้พลังลบมาดึงเราลง
- แนะนำให้พวกเขาโฟกัสที่ทางออก เช่น แทนที่จะร่วมบ่น ให้ชวนพวกเขาคิดหาวิธีแก้ปัญหา
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต:
หากมีเพื่อนที่มักบ่นว่า “ชีวิตฉันไม่มีอะไรดีเลย!” แทนที่จะพูดปลอบใจแบบคล้อยตาม ลองถามกลับว่า “ถ้าอยากให้มันดีขึ้น เราลองเริ่มจากอะไรได้บ้าง?” เพื่อให้พวกเขาคิดหาทางแก้ไขมากกว่าบ่น
1.4 นักเล่นเกมจิตวิทยา (The Manipulator)
ลักษณะ:
- ใช้เล่ห์กล จิตวิทยา หรือทำให้เรารู้สึกผิดเพื่อควบคุมเรา
- ทำให้เราต้องทำสิ่งที่เราไม่อยากทำ
วิธีรับมือ:
- สังเกตพฤติกรรมเหล่านี้ และอย่าตกเป็นเหยื่อ
- ตั้งขอบเขตที่มั่นคง และปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต:
ถ้ามีเพื่อนที่ชอบบอกว่า “ถ้าเธอไม่ช่วยฉัน แปลว่าเธอไม่แคร์ฉันเลย!” เราสามารถตอบว่า “ฉันแคร์เธอ แต่ฉันก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกันนะ”
1.5 นักระเบิดอารมณ์ (The Exploder)
ลักษณะ:
- โกรธง่าย โมโหร้าย
- ใช้การระเบิดอารมณ์เพื่อข่มขู่หรือควบคุมสถานการณ์
วิธีรับมือ:
- อย่าตอบโต้ด้วยอารมณ์ เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง
- ใช้ความนิ่งเข้าต่อสู้ หากอีกฝ่ายตะคอก ให้เรานิ่งและพูดอย่างใจเย็น
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต:
หากเจอหัวหน้าที่ตะคอกใส่ สามารถตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุยกันดี ๆ จะช่วยแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้นนะครับ”
1.6 คนปากร้าย (The Criticizer)
ลักษณะ:
- มักพูดถากถาง หรือวิจารณ์คนอื่นโดยไม่สร้างสรรค์
- ทำให้คนรอบข้างรู้สึกด้อยค่า
วิธีรับมือ:
- อย่าใส่ใจมากเกินไป พยายามแยกแยะระหว่างคำวิจารณ์ที่มีเหตุผลกับการพูดเพื่อทำร้าย
- ตอบโต้ด้วยความมั่นใจ เช่น ถ้ามีคนวิจารณ์ว่า “แต่งตัวแบบนี้ไม่เข้ากับเธอเลย” ให้ตอบกลับว่า “ฉันชอบแบบนี้ และฉันรู้สึกมั่นใจ”
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต:
หากเจอเพื่อนที่ชอบแซะว่า “ทำไมเธอพูดภาษาอังกฤษแปลกจัง?” ให้ตอบกลับว่า “อย่างน้อยฉันก็พยายามฝึกนะ!” เพื่อสะท้อนว่าคำพูดของเขาไม่มีผลกระทบต่อเรา
“คนพ่นพิษกันอย่างไร” เป็นหมวดที่ช่วยให้เราสังเกต พฤติกรรมของคนที่เป็นพิษ และ รู้จักวิธีรับมือ เพื่อให้เราสามารถปกป้องตัวเองจากพลังลบในชีวิตประจำวันได้
📌 หลักการนำไปใช้ในชีวิตจริง:
- ตระหนักรู้ ว่ากำลังเผชิญกับคนประเภทไหน
- ตั้งขอบเขตชัดเจน และไม่ปล่อยให้คนเหล่านี้มาควบคุมอารมณ์ของเรา
- ฝึกการสื่อสารเชิงบวก เพื่อลดความตึงเครียดและไม่ถูกดึงเข้าไปในเกมของพวกเขา
💡 การเข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้ ไม่เพียงช่วยให้เราปกป้องตัวเองจากคนเป็นพิษ แต่ยังช่วยให้เราไม่เผลอกลายเป็นคนแบบนั้นโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย! 😊
2. คนและสถานที่ที่เป็นพิษ (Toxic People & Environments)
ส่วนนี้ของหนังสือ “เธอหรือฉัน ใครกันที่ TOXIC” อธิบายเกี่ยวกับ สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ของเรา นอกจากตัวบุคคลที่เป็นพิษแล้ว สถานที่ และ บริบท ก็สามารถสร้างความเป็นพิษได้เช่นกัน
2.1 สถานที่ทำงานที่เป็นพิษ (Toxic Workplaces)
ลักษณะของที่ทำงานที่เป็นพิษ
- มี วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เป็นธรรม เช่น เลือกปฏิบัติ เอื้อผลประโยชน์ให้บางกลุ่ม
- มี หัวหน้าที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด ข่มขู่ ใช้อารมณ์ หรือไม่ให้ความเป็นธรรมกับลูกน้อง
- มี เพื่อนร่วมงานที่ไม่ซื่อสัตย์ นินทา แข่งขันกันอย่างไม่สร้างสรรค์
- มี การกลั่นแกล้ง (Bullying) ในที่ทำงาน
วิธีรับมือ
- กำหนดขอบเขตการทำงาน ไม่เอาตัวเองไปผูกติดกับความเป็นพิษในที่ทำงาน
- หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมดราม่าและข่าวลือ
- หากสถานการณ์แย่มาก ควรมองหาทางเลือกใหม่ เช่น หางานใหม่ที่ให้คุณค่ากับสุขภาพจิตของเรา
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
หากมีเพื่อนร่วมงานชอบนินทาหรือสร้างปัญหา แทนที่จะตอบโต้หรือร่วมวงนินทา ให้เราตั้งสมาธิกับงานของตัวเอง และใช้วิธี “ยิ้มรับแล้วตัดบท” เพื่อไม่ให้ตัวเองเข้าไปพัวพัน
2.2 ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic Relationships)
ลักษณะของความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ
- คู่รักที่ ควบคุมทุกอย่าง หรือ ใช้ความรุนแรงทางอารมณ์ เช่น ขู่ บังคับ หรือทำให้เรารู้สึกผิด
- เพื่อนที่ เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ และไม่เคยช่วยเหลือ
- ครอบครัวที่ ใช้คำพูดกดดัน หรือคาดหวังจนเราเครียด
วิธีรับมือ
- ตั้งขอบเขตที่ชัดเจน เช่น ถ้าคู่รักหรือเพื่อนมักขอให้เราทำสิ่งที่ไม่สบายใจ ควรพูดตรง ๆ
- ให้ความสำคัญกับตัวเอง อย่าปล่อยให้ใครมาบงการชีวิต
- หากจำเป็น ให้เดินออกจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ เพื่อรักษาสุขภาพจิตของตัวเอง
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
ถ้าหากมีแฟนที่มักพูดว่า “ถ้ารักฉันต้องทำแบบนี้นะ!” เราสามารถตอบกลับว่า “ความรักไม่ใช่การบังคับ ฉันขอให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบที่เราเคารพกันนะ”
2.3 สังคมและโซเชียลมีเดียที่เป็นพิษ (Toxic Society & Social Media)
ลักษณะของสังคมและโซเชียลที่เป็นพิษ
- มีวัฒนธรรมที่กดดันให้เราต้อง ประสบความสำเร็จตลอดเวลา
- การเปรียบเทียบกันในโซเชียลมีเดีย ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเอง ไม่ดีพอ
- ข่าวสารที่มีแต่พลังลบ ทำให้เรารู้สึกเครียดและวิตกกังวล
วิธีรับมือ
- จำกัดเวลาในการใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อลดการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
- ติดตามแต่เนื้อหาที่สร้างแรงบันดาลใจ และตัดสิ่งที่สร้างความเครียดออก
- ไม่หลงไปกับวัฒนธรรม “ต้องสมบูรณ์แบบ” เราควรมีชีวิตในแบบที่เรามีความสุข ไม่ใช่เพื่อให้ใครมาชื่นชม
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
หากเรารู้สึกแย่จากการเลื่อนดูโซเชียลมีเดียและเห็นแต่คนอื่นประสบความสำเร็จ ลอง หันมาจดจ่อกับเป้าหมายของตัวเอง เช่น “ฉันอาจยังไม่ถึงจุดนั้น แต่ฉันกำลังก้าวไปทีละก้าว และฉันก็ภูมิใจในตัวเอง”
2.4 ครอบครัวที่เป็นพิษ (Toxic Family)
ลักษณะของครอบครัวที่เป็นพิษ
- มีการใช้คำพูดกดดัน เช่น “ต้องเรียนได้เกรด A เท่านั้นถึงจะดี” หรือ “ทำไมลูกไม่เก่งเหมือนคนนั้น”
- มีการเปรียบเทียบพี่น้อง ทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
- ไม่เคารพความเป็นส่วนตัวของสมาชิกในครอบครัว
วิธีรับมือ
- อธิบายขอบเขตของตัวเองให้ชัดเจน เช่น หากพ่อแม่คาดหวังมากเกินไป ควรพูดออกไปอย่างสุภาพว่า “หนูจะพยายามเต็มที่ แต่หนูก็อยากมีพื้นที่ของตัวเองด้วย”
- เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง และไม่ยึดติดกับความคาดหวังของครอบครัวมากเกินไป
- หากความสัมพันธ์เป็นพิษมากเกินไป อาจต้องเว้นระยะห่าง เพื่อปกป้องสุขภาพจิตของตัวเอง
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
ถ้าพ่อแม่มักเปรียบเทียบเรากับคนอื่น เช่น “ลูกบ้านนั้นเรียนเก่งกว่าหนูนะ” ให้ตอบกลับว่า “หนูมีเส้นทางของตัวเอง และหนูพยายามดีที่สุดแล้วค่ะ”
“คนและสถานที่ที่เป็นพิษ” สอนให้เราตระหนักว่า ไม่ใช่แค่คนที่เป็นพิษ แต่บางครั้งสถานที่หรือสังคมก็สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเราได้
📌 หลักการนำไปใช้ในชีวิตจริง:
- ตระหนักรู้ว่าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษหรือไม่
- ตั้งขอบเขตชัดเจน และอย่าปล่อยให้สิ่งเหล่านี้มามีอิทธิพลต่อจิตใจเรา
- เรียนรู้ที่จะปกป้องตัวเอง และหากจำเป็นต้องเดินออกจากสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ
- โฟกัสที่สิ่งที่สร้างพลังบวกในชีวิต แทนที่จะให้ความสำคัญกับสิ่งที่บั่นทอนจิตใจ
💡 เมื่อเราสามารถระบุสิ่งที่เป็นพิษในชีวิตได้ และเรียนรู้ที่จะรับมือ เราก็สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้โดยไม่ต้องแบกรับพลังลบจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว 😊
3. วิธีรับมือคนเป็นพิษ
ส่วนนี้ของหนังสือ “เธอหรือฉัน ใครกันที่ TOXIC” อธิบายถึง วิธีการรับมือกับคนที่เป็นพิษ (Toxic People) และสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ เพื่อปกป้องสุขภาพจิตของเราและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น
3.1 ตั้งขอบเขตให้ชัดเจน (Set Boundaries)
ทำไมต้องตั้งขอบเขต?
- คนที่เป็นพิษมักละเมิดขอบเขตของเรา เช่น ขอให้ช่วยตลอดเวลา วิจารณ์เราเกินควร หรือบงการชีวิตเรา
- การตั้งขอบเขตช่วยให้เราปกป้องตัวเองจากความเครียดและความกดดันที่ไม่จำเป็น
วิธีการตั้งขอบเขต
- พูดให้ชัดเจนว่า เรายอมรับพฤติกรรมแบบไหน และไม่ยอมรับแบบไหน
- ใช้คำพูดที่หนักแน่นแต่สุภาพ เช่น “ฉันไม่สะดวกช่วยตอนนี้นะ” แทนที่จะพูดแบบลังเล “อืม…ไม่แน่ใจว่าได้ไหม”
- ไม่ต้องรู้สึกผิดในการปฏิเสธสิ่งที่ไม่โอเคสำหรับเรา
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 หากเพื่อนร่วมงานชอบโยนงานให้เราเกินความรับผิดชอบ ให้พูดว่า “ฉันมีงานของตัวเองที่ต้องทำเหมือนกันนะ ครั้งนี้ฉันขอผ่านนะ”
3.2 พัฒนาทักษะการสื่อสารเชิงบวก (Assertive Communication)
ทำไมต้องใช้การสื่อสารเชิงบวก?
- การตอบโต้ด้วยอารมณ์อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง
- การพูดอย่างมั่นใจแต่ไม่ก้าวร้าว ช่วยให้เราสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการใช้การสื่อสารเชิงบวก
- ใช้ “ฉัน” แทน “เธอ” เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวโทษ เช่น “ฉันรู้สึกไม่โอเคเวลาถูกพูดจาแบบนี้” แทน “เธอพูดแย่มาก!”
- พูดให้ตรงประเด็นและชัดเจน หลีกเลี่ยงการอ้อมค้อม
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 หากมีเพื่อนที่ชอบพูดจาถากถางตลอดเวลา ให้พูดว่า “ฉันรู้สึกไม่ดีเลยเวลาถูกพูดแบบนี้ ฉันอยากให้เราคุยกันอย่างให้เกียรติกันมากขึ้น”
3.3 ลดเวลาที่ใช้กับคนเป็นพิษ (Limit Your Exposure)
ทำไมต้องลดเวลากับคนเป็นพิษ?
- คนบางประเภทไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และการพยายามเปลี่ยนพวกเขาอาจทำให้เราเหนื่อยเปล่า
- การลดปฏิสัมพันธ์กับคนที่เป็นพิษช่วยให้เรามีเวลาและพลังงานสำหรับสิ่งที่สำคัญกว่า
วิธีการลดเวลาแบบเนียน ๆ
- หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมวงนินทาหรือดราม่า
- ตอบกลับด้วยข้อความสั้น ๆ เมื่อถูกลากเข้าปัญหา เช่น “ขอโทษนะ ตอนนี้ฉันยุ่งอยู่”
- ค่อย ๆ เว้นระยะห่างจากคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 หากมีญาติที่ชอบนินทาและพูดลบตลอดเวลา แทนที่จะเถียงกลับ ให้เราตอบสั้น ๆ เช่น “โอเค ๆ เดี๋ยวฉันไปทำงานต่อนะ” แล้วจบบทสนทนา
3.4 เลือกสังคมที่ดีต่อใจ (Surround Yourself with Positive People)
ทำไมต้องเลือกสังคมที่ดี?
- คนรอบตัวส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของเรา
- หากอยู่กับคนที่ให้พลังบวก เราจะรู้สึกมั่นใจและมีแรงบันดาลใจมากขึ้น
วิธีเลือกสังคมที่ดี
- หาสังคมที่สนับสนุนและเข้าใจเรา เช่น กลุ่มเพื่อนที่ให้กำลังใจ
- ตัดคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่ออกไปจากชีวิต หรืออย่างน้อยก็ลดปฏิสัมพันธ์ลง
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 แทนที่จะใช้เวลากับเพื่อนที่ชอบดูถูกเรา ลองใช้เวลากับเพื่อนที่ช่วยสนับสนุนและทำให้เรารู้สึกมั่นใจ
3.5 จัดการกับอารมณ์ของตัวเอง (Manage Your Own Emotions)
ทำไมต้องจัดการอารมณ์?
- เมื่อเราโกรธหรือตกอยู่ในอารมณ์ลบ เรามักตอบโต้ด้วยวิธีที่ทำให้สถานการณ์แย่ลง
- หากเรารู้จักควบคุมอารมณ์ เราจะไม่ถูกคนเป็นพิษควบคุม
วิธีจัดการอารมณ์
- ใช้ เทคนิคหายใจลึก ๆ ก่อนตอบโต้สิ่งที่ทำให้หงุดหงิด
- ฝึกสติ (Mindfulness) และมองสิ่งต่าง ๆ อย่างมีเหตุผล
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้าหัวหน้าใช้อารมณ์ใส่ เราสามารถตั้งสติ หายใจลึก ๆ และพูดว่า “เรามาคุยกันตอนที่อารมณ์เย็นลงดีไหมครับ?” แทนที่จะโต้กลับด้วยอารมณ์
3.6 ฝึกปล่อยวาง และไม่เอาทุกอย่างมาใส่ใจ (Letting Go & Not Taking Things Personally)
ทำไมต้องปล่อยวาง?
- คนที่เป็นพิษอาจไม่ได้มีปัญหากับเราโดยตรง แต่พวกเขามีปัญหากับตัวเอง
- การเอาทุกอย่างมาใส่ใจทำให้เราทุกข์โดยไม่จำเป็น
วิธีปล่อยวาง
- เตือนตัวเองว่า “ปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของเรา”
- ใช้หลัก “เลือกสู้ศึกที่ควรสู้” บางเรื่องปล่อยไปบ้างก็ได้
ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิต
📌 ถ้ามีเพื่อนร่วมงานที่มักพูดจาเสียดสี ให้คิดว่า “นี่เป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ของเรา” แล้วอย่าให้คำพูดนั้นมีผลกับความสุขของเรา
“วิธีรับมือคนเป็นพิษ” เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้เราปกป้องตัวเองจากพลังลบในชีวิต
📌 หลักการนำไปใช้ในชีวิตจริง:
- ตั้งขอบเขตที่ชัดเจน ไม่ปล่อยให้ใครมาล้ำเส้น
- ฝึกการสื่อสารที่มั่นใจ เพื่อลดความขัดแย้ง
- ลดเวลาที่ใช้กับคนเป็นพิษ และโฟกัสกับคนที่ให้พลังบวก
- เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง และไม่เอาคำพูดของคนอื่นมาทำร้ายตัวเอง
💡 เมื่อเราสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองและเลือกสิ่งที่ดีต่อใจ เราจะมีชีวิตที่สงบสุขขึ้น และไม่ต้องแบกรับพลังลบจากคนที่เป็นพิษอีกต่อไป! 😊