Book Review

รีวิวหนังสือ How to Control Your Mind

ผู้เขียน: Joseph Murphy (หรือในบางกรณีอาจมีผู้เขียนที่ใช้ชื่อใกล้เคียง ขึ้นอยู่กับเวอร์ชัน)

หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยหลักการควบคุมจิตใจและความคิดเพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น โดยมีการใช้พลังของจิตใต้สำนึกและการฝึกฝนตนเองให้คิดในทางบวก หนังสือมีแนวคิดหลักเกี่ยวกับพลังของจิตใจและความเชื่อที่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้

1. พลังของจิตใต้สำนึก

  • รายละเอียดเพิ่มเติม:
    จิตใต้สำนึกทำหน้าที่เสมือนฐานข้อมูลหลักในชีวิต สิ่งที่คุณพูดหรือคิดบ่อยๆ จะถูกบันทึกไว้และกลายเป็นพื้นฐานของการกระทำ

    • ตัวอย่าง: หากคุณคิดว่า “ฉันไม่ดีพอ” บ่อยๆ จิตใต้สำนึกจะทำให้คุณรู้สึกขาดความมั่นใจ
    • ฝึกการใช้คำพูดบวก เช่น “ฉันสามารถทำได้” เพื่อสร้างแนวทางใหม่ในจิตใต้สำนึก
  • เทคนิค:
    • เขียนคำพูดหรือข้อความสร้างกำลังใจ เช่น “ฉันมีความสามารถที่จะประสบความสำเร็จ” และอ่านมันซ้ำๆ ทุกเช้า
    • ฝึกนึกถึงภาพในจินตนาการ เช่น การเห็นตัวเองประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่ตั้งไว้
  • ตัวอย่าง:
    การใช้คำพูดสร้างแรงบันดาลใจทุกเช้า เช่น “วันนี้ฉันจะทำสิ่งดีๆ ให้สำเร็จ”

2. การเปลี่ยนแปลงความคิด

  • รายละเอียดเพิ่มเติม:
    การเปลี่ยนความคิดเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม โดยเริ่มจากการสังเกตและปรับความคิดในชีวิตประจำวัน

    • เปลี่ยน “ฉันทำไม่ได้” เป็น “ฉันกำลังเรียนรู้”
    • หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ลดคุณค่าในตัวเอง
  • วิธีการฝึก:
    • จดบันทึกความคิด: เขียนความคิดลบที่เกิดขึ้นและหาวิธีเปลี่ยนเป็นบวก
    • ถามคำถามตนเอง: เมื่อมีความคิดลบ ให้ถามว่า “ฉันมีหลักฐานอะไรที่ยืนยันว่าความคิดนี้จริง?”
    • ใช้เทคนิค Cognitive Behavioral Therapy (CBT) เพื่อเปลี่ยนมุมมองความคิด
  • ตัวอย่าง:
    ถ้าคุณล้มเหลวในโปรเจกต์งาน อย่าคิดว่า “ฉันไม่มีความสามารถ” แต่ให้คิดว่า “ฉันได้เรียนรู้วิธีที่ควรปรับปรุง”

 


3. การตั้งเป้าหมายด้วยความเชื่อมั่น

  • การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวางแผนอย่างเป็นระบบช่วยเพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

    ขั้นตอนการตั้งเป้าหมายในชีวิต

    1. กำหนดเป้าหมายหลัก (Big Picture Goal)
      • เขียนสิ่งที่คุณต้องการในชีวิต เช่น “มีสุขภาพดี,” “เป็นเจ้าของธุรกิจ,” หรือ “เดินทางรอบโลก”
      • เป้าหมายควรเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความหมายสำหรับคุณ
    2. แปลงเป็นเป้าหมายย่อย (Break Down Goals)
      • แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นขั้นตอนที่เล็กลงและชัดเจน
      • เช่น ถ้าคุณต้องการมีสุขภาพดี เป้าหมายย่อยอาจเป็น “ออกกำลังกาย 3 ครั้งต่อสัปดาห์”
    3. ใช้หลัก SMART Goal
      • Specific (เฉพาะเจาะจง): ระบุเป้าหมายให้ชัด เช่น “ลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม”
      • Measurable (วัดผลได้): กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ เช่น “ชั่งน้ำหนักทุกสัปดาห์”
      • Achievable (เป็นไปได้): ตั้งเป้าที่ท้าทายแต่ไม่เกินความสามารถ
      • Relevant (สอดคล้อง): เป้าหมายควรสัมพันธ์กับสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ
      • Time-bound (มีกรอบเวลา): กำหนดเส้นตาย เช่น “ภายใน 3 เดือน”
    4. สร้างภาพในจินตนาการ (Visualization)
      • หลับตาและจินตนาการถึงความสำเร็จ เช่น เห็นตัวเองใส่เสื้อผ้าที่พอดีเมื่อถึงน้ำหนักเป้าหมาย
    5. ทำ Action Plan
      • ระบุขั้นตอนที่ต้องทำในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์ เช่น
        • วันจันทร์: ออกกำลังกาย
        • วันอังคาร: เตรียมอาหารสุขภาพ
    6. ติดตามผลและปรับปรุง
      • ตรวจสอบความคืบหน้าทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
      • ถ้ามีอุปสรรค ให้ปรับเป้าหมายหรือวิธีการ เช่น เปลี่ยนการออกกำลังกายให้เหมาะสม
    7. ฉลองความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ
      • ให้รางวัลตัวเองเมื่อบรรลุเป้าหมายย่อย เช่น ซื้อของที่อยากได้ หรือพักผ่อนอย่างเต็มที่

    ตัวอย่างเป้าหมายชีวิต

    • ด้านการเงิน: สร้างเงินเก็บ 100,000 บาทภายใน 1 ปี
    • ด้านสุขภาพ: ออกกำลังกาย 150 นาทีต่อสัปดาห์
    • ด้านอาชีพ: เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการภายใน 2 ปี

4. การรับมือกับความกลัวและความสงสัย

  • รายละเอียดเพิ่มเติม:
    ความกลัวเกิดจากความไม่แน่นอนหรือประสบการณ์ในอดีต การจัดการกับมันต้องเริ่มจากการเผชิญหน้าและปรับเปลี่ยนมุมมอง

    • ยอมรับความกลัวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ไม่ปล่อยให้มันควบคุมคุณ
    • เขียนสิ่งที่คุณกลัวและหาวิธีการรับมือแต่ละเรื่อง
  • เทคนิค:
    • ฝึกการหายใจลึกๆ เพื่อช่วยให้ผ่อนคลายเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่กดดัน
    • ใช้ความกลัวเป็นแรงผลักดัน เช่น “ฉันกลัวการล้มเหลว ดังนั้นฉันจะเตรียมตัวให้ดีที่สุด”
  • ตัวอย่าง:
    หากคุณกลัวการพูดในที่สาธารณะ ให้ฝึกพูดกับกลุ่มเพื่อนสนิทก่อน

5. การฝึกสมาธิเพื่อควบคุมจิตใจ

  • การฝึกสมาธิไม่เพียงช่วยให้จิตใจสงบ แต่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการตัดสินใจและจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น ด้านล่างเป็นขั้นตอนง่ายๆ สำหรับการเริ่มต้นฝึกสมาธิ:

    ขั้นตอนการฝึกสมาธิ

    1. เลือกสถานที่เงียบสงบ
      • หาพื้นที่ที่ไม่มีสิ่งรบกวน เช่น ห้องส่วนตัว หรือมุมสงบในบ้าน
      • อาจใช้เก้าอี้หรือหมอนสำหรับนั่งสมาธิเพื่อความสบาย
    2. กำหนดเวลา
      • เริ่มต้นจากระยะเวลาสั้นๆ เช่น 5-10 นาทีต่อวัน
      • เมื่อชำนาญแล้วสามารถเพิ่มเวลาได้เป็น 15-30 นาที
    3. ท่านั่งที่ถูกต้อง
      • นั่งในท่าที่สบาย (บนเก้าอี้ พื้น หรือเบาะ)
      • หลังตรง ศีรษะตั้งตรง มือวางบนตักหรือเข่า
    4. โฟกัสกับลมหายใจ
      • หลับตาหรือมองต่ำเพื่อจำกัดสิ่งรบกวน
      • สูดลมหายใจเข้า-ออกช้าๆ ให้ลึกและสม่ำเสมอ
      • โฟกัสที่ความรู้สึกของลมที่เข้าและออกจากจมูก
    5. จัดการความคิดที่แทรก
      • หากมีความคิดเข้ามา อย่าต่อต้านหรือพยายามลบมัน
      • แค่สังเกตและดึงความสนใจกลับมาที่ลมหายใจ
    6. ใช้คำยืนยันหรือคำสวดมนต์ (ถ้าต้องการ)
      • อาจใช้คำพูดซ้ำๆ เช่น “สงบ” หรือ “ผ่อนคลาย” เพื่อช่วยให้มีสมาธิ
    7. ปิดท้ายอย่างช้าๆ
      • ก่อนสิ้นสุดสมาธิ ให้เปิดตาและค่อยๆ ยืดตัว
      • สังเกตความรู้สึกของความสงบและพลังในตัวเอง

    เคล็ดลับเพิ่มเติม

    • ใช้แอปสมาธิ เช่น Headspace หรือ Insight Timer ช่วยนำทาง
    • หากมีเวลาจำกัด ลองฝึกสมาธิขณะเดิน เช่น การโฟกัสกับก้าวเท้า

6. การเปลี่ยนแปลงชีวิตด้วยการกระทำ

  • รายละเอียดเพิ่มเติม:
    ความสำเร็จไม่ได้มาจากความคิดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีการลงมือทำที่สม่ำเสมอ

    • เริ่มจากการตั้งเป้าหมายย่อยในแต่ละวัน
    • วางแผนการทำงานล่วงหน้าและติดตามผลลัพธ์
  • เคล็ดลับ:
    • ใช้เทคนิค “Two-Minute Rule” โดยเริ่มจากการทำสิ่งเล็กๆ ภายใน 2 นาที เช่น จัดโต๊ะทำงาน
    • ตั้งรางวัลเล็กๆ ให้ตัวเองเมื่อบรรลุเป้าหมาย
  • ตัวอย่าง:
    หากคุณต้องการสุขภาพที่ดีขึ้น ให้เริ่มจากการเดิน 15 นาทีทุกวัน

7. พลังของความกตัญญู

  • รายละเอียดเพิ่มเติม:
    ความกตัญญูช่วยเปลี่ยนมุมมองของคุณต่อโลกและช่วยดึงดูดสิ่งดีๆ

    • ฝึกมองหาสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน แม้ในสถานการณ์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ
    • เขียน “บันทึกความกตัญญู” (Gratitude Journal) เป็นกิจวัตร
  • ตัวอย่างคำขอบคุณ:
    • “ฉันขอบคุณที่วันนี้ฉันมีสุขภาพดี”
    • “ฉันขอบคุณที่ได้รับโอกาสทำงานที่ฉันรัก”

8. การใช้กฎแรงดึงดูด (Law of Attraction)

  • รายละเอียดเพิ่มเติม:
    สิ่งที่คุณคิดและรู้สึกจะดึงดูดสิ่งที่คล้ายกันเข้ามาในชีวิต

    • หากคุณต้องการสิ่งดีๆ ให้เริ่มคิดในเชิงบวกและลงมือทำในทิศทางที่เหมาะสม
    • ฝึกสร้างพลังงานเชิงบวก เช่น การพูดในสิ่งที่คุณต้องการในปัจจุบัน
  • ตัวอย่างการใช้กฎแรงดึงดูด:
    • ถ้าคุณต้องการเพิ่มรายได้ ให้เริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมาย เช่น “ฉันได้รับรายได้เพิ่มขึ้นทุกเดือน”
    • ดำเนินชีวิตราวกับว่าคุณมีสิ่งที่คุณต้องการแล้ว

9. การสร้างชีวิตที่สมดุล

  • รายละเอียดเพิ่มเติม:
    ความสมดุลในชีวิตช่วยให้คุณมีความสุขทั้งในด้านสุขภาพ การงาน และความสัมพันธ์

    • สร้างตารางเวลาที่สมดุลระหว่างการทำงาน การพักผ่อน และการดูแลตัวเอง
    • ลดสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่น การใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไป
  • เคล็ดลับ:
    • ตั้งกฎเวลา เช่น ไม่ทำงานหลังเวลา 18:00 น. เพื่อมีเวลาส่วนตัว
    • ฝึกใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ เช่น การเดินเล่นในสวน

บทเรียนสำคัญจากหนังสือ

  • จิตใจคือเครื่องมือที่ทรงพลัง หากเราเรียนรู้ที่จะควบคุมมัน
  • การเปลี่ยนแปลงชีวิตเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงความคิด
  • เป้าหมายและการกระทำที่สอดคล้องกับความเชื่อมั่นจะนำไปสู่ความสำเร็จ
  • ความสุขที่แท้จริงมาจากการรู้คุณค่าในสิ่งที่เรามีและการจัดสมดุลในชีวิต

เหมาะกับใคร?

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ:

  1. เปลี่ยนแปลงชีวิตในทางที่ดีขึ้น
  2. พัฒนาตัวเองทั้งในด้านจิตใจและการกระทำ
  3. ค้นหาเทคนิคเพื่อควบคุมจิตใจและเพิ่มประสิทธิภาพในชีวิต

บทสรุป:
How to Control Your Mind เป็นคู่มือที่เต็มไปด้วยแนวคิดและเทคนิคที่ใช้งานได้จริง ช่วยให้คุณเข้าใจและใช้พลังของจิตใจอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างชีวิตที่คุณต้องการด้วยตัวเอง 💡

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *