Book Review

รีวิวหนังสือ Focus on what matters

หนังสือ “Focus on What Matters” เป็นหนังสือที่มุ่งเน้นการสร้างประสิทธิภาพในการใช้เวลาและทรัพยากร เพื่อให้คุณสามารถจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตและการทำงาน สรุปได้เป็นบทหัวข้อดังนี้:

1. การทำความเข้าใจเป้าหมายของชีวิตและงาน

รายละเอียด:

  • แนะนำให้ผู้อ่านเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่า “อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับฉันในชีวิตและงาน?”
  • ใช้เทคนิคการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ (SMART Goals)
  • สร้างความตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ขัดขวางไม่ให้คุณบรรลุเป้าหมาย

เทคนิค:

  • ใช้เวลาเขียนเป้าหมายระยะสั้น (3-6 เดือน) และระยะยาว (3-5 ปี)
  • ตั้งคำถามว่า “สิ่งนี้จะนำฉันไปสู่เป้าหมายของฉันหรือไม่?” ในทุกการตัดสินใจ
  • ใช้เครื่องมือ เช่น Vision Board หรือ Journal เพื่อสะท้อนถึงความสำคัญของเป้าหมาย

ประโยชน์:

  • ช่วยให้คุณชัดเจนว่าสิ่งใดที่ควรโฟกัส และสิ่งใดที่ควรละเว้น
  • เพิ่มความมุ่งมั่นและแรงจูงใจในชีวิต

ความยาก:

  • การจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายในช่วงแรกอาจซับซ้อน หากเป้าหมายยังคลุมเครือ
    เวลา:
  • ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงในครั้งแรก และปรับปรุงเป้าหมายทุกๆ 3-6 เดือน

2. การจัดลำดับความสำคัญอย่างมีประสิทธิภาพ

รายละเอียด:

  • อธิบายแนวคิด Eisenhower Matrix สำหรับการจัดการงาน (แยกสิ่งที่ “สำคัญ” กับ “เร่งด่วน”)
  • แนะนำการตัดสินใจว่าจะ “ทำ” “มอบหมาย” “เลื่อน” หรือ “ละเว้น”
  • ใช้หลักการ 80/20 (Pareto Principle) เพื่อมุ่งเน้นที่งาน 20% ที่สร้างผลลัพธ์ 80%

เทคนิค:

  • วาดตาราง Eisenhower Matrix (สำคัญ/เร่งด่วน) และจัดวางงานประจำวันลงไป
  • ใช้หลักการ Pareto Principle โดยวิเคราะห์ว่า 20% ของกิจกรรมใดให้ผลลัพธ์ 80%
  • ทดลองใช้แอปจัดการงาน เช่น Trello หรือ Asana เพื่อช่วยในการติดตาม

ประโยชน์:

  • ลดความเครียดจากการทำหลายสิ่งพร้อมกัน
  • ใช้เวลาอย่างมีคุณค่าโดยมุ่งเน้นสิ่งที่สร้างผลลัพธ์สูงสุด

ความยาก:

  • อาจต้องใช้เวลาสำหรับการวิเคราะห์และทบทวนสิ่งที่สำคัญจริงๆ
    เวลา:
  • ใช้เวลา 15-30 นาทีต่อวันในการจัดการงาน

3. การบริหารเวลาและพลังงาน

รายละเอียด:

  • แนะนำเทคนิค Time Blocking เพื่อกำหนดช่วงเวลาสำหรับงานสำคัญ
  • เน้นการรักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว
  • การจัดการพลังงานตามจังหวะของร่างกาย (Circadian Rhythm) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

เทคนิค:

  • ใช้ Time Blocking โดยแบ่งเวลาในแต่ละวันสำหรับงานที่สำคัญ
  • สร้าง Morning Routine เพื่อเริ่มต้นวันอย่างมีพลัง
  • ระบุช่วงเวลาที่คุณมีพลังงานสูงสุด และทำงานสำคัญในช่วงนั้น

ประโยชน์:

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดการเสียเวลา
  • รักษาสมดุลชีวิตและงานโดยไม่ทำให้เหนื่อยล้า

ความยาก:

  • การปรับเปลี่ยนตารางในช่วงแรกอาจไม่ง่าย โดยเฉพาะหากคุณมีงานที่ไม่ยืดหยุ่น
    เวลา:
  • ใช้เวลา 1 สัปดาห์เพื่อทดลองปรับตารางเวลา

4. การตัดสิ่งที่ไม่สำคัญออกไป (Elimination)

รายละเอียด:

  • สอนวิธีการพูด “ไม่” อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่สำคัญ
  • ลดสิ่งรบกวน เช่น Social Media, การแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น
  • สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสมาธิ

เทคนิค:

  • ลิสต์รายการ “สิ่งที่ไม่จำเป็น” ในชีวิต เช่น การประชุมที่ไม่สำคัญ หรือการเลื่อน Social Media
  • ใช้หลัก Minimalism โดยเก็บสิ่งที่มีคุณค่าและทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็น
  • สร้างระบบการแจ้งเตือนที่จำกัด เช่น ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญ

ประโยชน์:

  • มีเวลามากขึ้นสำหรับสิ่งที่สำคัญ
  • ลดความเครียดจากสิ่งรบกวน

ความยาก:

  • การตัดใจจากสิ่งที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอาจเป็นเรื่องยาก
    เวลา:
  • ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ในการทบทวนและปรับเปลี่ยน

5. การสร้างนิสัยเพื่อความสำเร็จในระยะยาว

รายละเอียด:

  • อธิบายการสร้างนิสัยเล็กๆ ที่มีผลกระทบใหญ่ (Atomic Habits)
  • การใช้ Habit Stacking เพื่อเชื่อมโยงนิสัยใหม่กับกิจวัตรเดิม
  • การปรับปรุงตัวเองอย่างต่อเนื่องผ่านการสะท้อนผลและเรียนรู้

เทคนิค:

  • เริ่มต้นจาก Tiny Habits เช่น ทำสิ่งเล็กๆ ทุกวัน เช่น การเขียนเป้าหมาย 3 นาทีต่อวัน
  • ใช้เทคนิค Habit Stacking เช่น ดื่มน้ำ 1 แก้วหลังจากตื่นนอน
  • ติดตามนิสัยด้วยแอป เช่น Habitica หรือ Streaks

ประโยชน์:

  • สร้างพฤติกรรมที่ดีอย่างต่อเนื่อง
  • เพิ่มโอกาสสำเร็จระยะยาวโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก

ความยาก:

  • อาจรู้สึกท้อเมื่อผลลัพธ์ไม่ชัดเจนในช่วงแรก
    เวลา:
  • ใช้เวลา 21-66 วันในการสร้างนิสัยใหม่

6. การประเมินและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง

รายละเอียด:

  • สอนวิธีการทบทวนเป้าหมายและความสำเร็จรายสัปดาห์
  • การวิเคราะห์สิ่งที่ได้ผลและไม่ได้ผล เพื่อปรับกลยุทธ์
  • การยอมรับความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา

เทคนิค:

  • ตั้งเวลารีวิวงานรายสัปดาห์ เช่น ทุกเย็นวันอาทิตย์
  • ใช้คำถาม เช่น “ฉันทำอะไรได้ดี?” และ “อะไรที่ต้องปรับปรุง?”
  • วางแผนเป้าหมายรายเดือนและรายปี

ประโยชน์:

  • ช่วยให้คุณปรับปรุงประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในอนาคต
  • มองเห็นความคืบหน้าและแรงบันดาลใจ

ความยาก:

  • ต้องมีวินัยในการรีวิวอย่างสม่ำเสมอ
    เวลา:
  • ใช้เวลา 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

7. การสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่จากสิ่งเล็กๆ

รายละเอียด:

  • แรงบันดาลใจจากเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จด้วยการมุ่งเน้นสิ่งที่สำคัญ
  • การสร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตส่วนตัวและองค์กร
  • แนวคิด “Less but Better” เพื่อคุณภาพที่เหนือกว่า

เทคนิค:

  • เริ่มต้นจากเป้าหมายเล็กๆ ที่เป็นไปได้ เช่น ช่วยเหลือผู้อื่นหนึ่งคนต่อสัปดาห์
  • ใช้การวิเคราะห์ผลลัพธ์ เช่น “สิ่งนี้ช่วยเพิ่มคุณค่ากับชีวิตฉันหรือไม่?”
  • ฝึกมองหาความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในระยะยาว

ประโยชน์:

  • สร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตและองค์กร
  • เพิ่มความมั่นใจและความพึงพอใจในตัวเอง

ความยาก:

  • ต้องใช้ความอดทนเพื่อดูผลกระทบระยะยาว
    เวลา:
  • ใช้เวลา 3-6 เดือนเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

สรุป

แต่ละบทของหนังสือช่วยให้คุณปรับตัวและจัดการชีวิตได้ง่ายขึ้นในขั้นตอนต่างๆ การเริ่มต้นอาจมีอุปสรรค แต่การพัฒนาทีละน้อยจะนำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว หากคุณมุ่งเน้นสิ่งที่สำคัญและตั้งใจปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *